วิธีป้องกันและวิธีรักษาเมื่อถูกงูกัด
วิธีป้องกันและวิธีรักษาเมื่อถูกงูกัด
– พยายามให้เหยื่อที่ถูงูกัดสงบและนิ่ง
– พยายามให้บริเวณรอยกัดนั้นต่ำกว่าระดับหัวใจ เพื่อป้องกันพิษงูแล่นเข้าสู่หัวใจ
– ล้างมือให้สะอาดหรือใส่ถุงมือยางก่อนสัมผัสบริเวณแผลงูกัด
– หากรอยกัดไม่ทำให้สูญเสียเลือด ให้ทำความสะอาดแผลให้ดีด้วยสบู่อ่อนและน้ำ ใช้ก้านสำลีหรือจะใช้วัตถุอื่นๆ ที่ไม่เป็นนทำความสะอาดแผลให้แห้ง
– หากรอยกัดทำให้เสียเลือด ให้หยุดเลือดด้วยการกดตรงแผลด้วยผ้าแห้งสะอาดตจนกว่าเลือดจะหยุดไหล
– นำสิ่งองต่างๆ ที่บีบรัดออกไป
– ใช้ถุงประคบเย็นวางเหนือบริเวณแขนหรือา ที่เป็นแผลพันด้วยผ่าพันแผล
– กันพิษบาดแผลที่บาดเจ็บที่แขนด้วยสลิง และกันพิษบาดแผลที่ขาด้วยการรัดที่ขาบาดเจ็บ
– หากผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้เตรียมพร้อมเพื่อปั้มลมหายใจถ้าจำเป็น
– สังเกตรอยกัดเพื่อหาร่องรอยการอักเสบ (ผิวหนังเริ่มแดงขึ้นแผลบวมขยาย) และสัญาณสำคัญอื่นๆ (อุณภูมิในร่างกายจังหวะหัวใจ อัตรายการหายใจ ความดันโลหิต)
– หากบริเวณรอบๆ แผลเริ่มบวมหรือเปลี่ยนสี งูที่กัดนั้นอาจเป็นงูพิษ
– ทำการรักาให้เร็วที่สุด
คำเตือนเมื่อถูกงูกัด
– อย่าใช้น้ำแข็งหรือถุงประคบเย็นประคบที่รอยงูกัดเพราะความเย็นเป็นเหตุทำให้พาขยายตัวมากขึ้น
– อย่าใช้สายลัดห้ามเลือด เช่นเข็มขัด เนกไท หรือสายเคเบิล
– อย่าเฉียนบาดแผลด้วยมีด
– อย่าใช้ปากเพื่อดูดพิษออก
– ผู้ป่วยไม่ควรเคลื่อนไหวร่างกายมาก
– บริเวณที่ถูกงูกัดไม่ควรสูงกว่าระดับหัวใจ
– ห้ามใช้สารกระตุ้นหรือยาแก้ปวดโดยไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์
– หลีกเลี่ยงการเคลื่อนนย้ายผ้าพันแผลหรือปลาสเตอร์ปิดแผลจนกระทั่งคุณพร้อมจะได้รับและสามารถรับยาต้านพิษงู
– ห้ามดื่มหรือกินอะไร ยกเว้นแต่แพทย์จะบอก
วิธีการป้องกันเมื่อถูกงูกัด
– อย่าใช้มือหรือเท้าสอดไปในบริเวณที่คุณไม่สามารถมองเห็นข้างในได้
– หลีกเลี่ยงการเล่นหรือการจับงู ยกเว้นแต่คุณได้รับการฝึกฝนมาอย่างถูกต้อง
– หากเป็นไปผได้ควรสวมกางเกงายาวและร้องเท้าบูต ในณะที่ปีนเขาบริเวณที่รู้อยู่แล้วว่ามีงู
– หากให้การเตือนที่พอดี งูจะหลีกเลี่ยงไม่เมาใกล้คุณ ดังนั้น ก่อนที่จะเข้าไปยังบริเวณที่รกให้เคาะข้างหน้าด้วยไม่เท้า